แบล็คแจ็ค อัตราการจ่ายเงินสูงสุดของเกมคาสิโนใดๆ
แบล็คแจ็ค แต่เดิมรู้จักกันในชื่อ Black Jack และ Vingt-Un เป็นเกมคาสิโนที่นิยมแล่นกันมากที่สุดในโลก โดยจะใช้ไพ่ตั้งแต่หนึ่งสำรับ แต่ละสำรับจะมีไพ่ 52 ใบ เกมนี้มีวิวัฒนาการมาจากเกมคาสิโนระดับโลกที่รู้จักกันในชื่อ Twenty-One รวมถึงเกมไพ่จากอังกฤษอย่าง Pontoon เกมไพ่จากยุโรปอย่าง Vingt-et-Un และเกมไพ่จากรัสเซียอย่าง Ochko ในเกมแบล็คแจ็คนั้นผู้เล่นจะไม่ได้แข่งขันกับผู้เล่นด้วยกันเอง แต่เป็นการแข่งกันระหว่างผู้เล่นกับเจ้ามือ ปัจจุบันแบล็คแจ็คเป็นหนึ่งในเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกในวงการอุตสาหกรรมคาสิโน
กฎของเล่นแบล็คแจ็ค
ในเกมไพ่แบล็คแจ็ค ผู้เล่นจะได้รับไพ่คนละ 2 ใบ ซึ่งบางคาสิโนดีเลอร์จะหงายไพ่หนึ่งใบ ส่วนอีกใบจะคว่ำไว้ โดยการนับแต้มจะมีลักษณะดังนี้
- ไพ่ที่มีแต้มตั้งแต่ 2-9 ให้ยึดแต้มตามหน้าไพ่
- ส่วนไพ่ 10, J, Q, K จะมีค่าเท่ากับ 10 เต้ม
สิ่งที่น่าสนใจในเกมแบล็คแจ็คคือ A เป็นไพ่เดียวที่มีสองค่าขึ้นอยู่กับว่าจะไปรวมอยู่กับไพ่ใบไหน หากไปอยู่กับพวกไพ่ที่มีแต้ม 2-9 ไม่ว่าจะดอกไหนก็มีค่าแค่ 1 แต้ม แต่ถ้าหากไปอยู่ร่วมกับไพ่ 10, J, Q หรือ K ก็จะทำให้เป็น 11 แต้ม และจะทำให้ได้ไพ่ แบล็คแจ็ค ทันที โดยอย่างหลังจะเรียกว่า Soft Hand เพราะไพ่นี้จะไม่ทำให้แพ้หากมีการเรียกไพ่ใบต่อไป และจะช่วยป้องกันไม่ให้แต้มของไพ่เกิน 21 แต้ม ในทางตรงกันข้าม หากไม่มีไพ่ A จะเรียกว่า Hard Hand แต้มทั้งหมดที่ปรากฎบนหน้าไพ่หลังจากรวมกันแล้วจะกลายเป็นคะแนนรวมทั้งหมดที่ได้ และผู้เล่นสามารถเรียกไพ่ใบที่ 3 เพิ่มเติมได้เพื่อให้แต้มรวมเท่ากับหรือใกล้เคียง 21 มากที่สุด
หลังจากที่ดีลเลอร์แจกไพ่ให้ผู้เล่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว และดีลเลอร์ได้ไพ่ที่มีแต้มรวมกัน 17 หรือสูงกว่า ดีลเลอร์จะไม่สามารถเรียกไพ่เพิ่มได้ (ซึ่งส่วนใหญ่ไพ่ที่ดีลเลอร์จะได้จะเป็น Soft Hand 17 แต้ม เช่น ไพ่ A และอีกใบคือ 6 หรือมากกว่าหนึ่งใบที่รวมกันเป็น 6) ผู้เล่นจะเดิมพันก็ต่อเมื่อมีไพ่ที่ดีกว่าดีลเลอร์ ซึ่งไพ่ที่ดีกว่าคือไพ่ที่รวมกันแล้วได้แต้มใกล้เคียง 21 ที่สุดแต่ห้ามเกิน โดยรายละเอียดการแพ้ชนะจะมีดังนี้:
หากผู้เล่นได้ไพ่ A และไพ่ที่มีแต้ม 10 (Blackjack) ขณะที่ดีลเลอร์ไม่ได้แบล็คแจ็ค แสดงว่าผู้เล่นชนะเกมและจะได้รับเงินรางวัลทันที
หากผู้เล่นได้ไพ่เกิน 21 แต้ม และงดีลเลอร์ก็ได้ไพ่เกิน 21 แต้ม ผู้เล่นจะแพ้ทันที
หากผู้เล่นได้ไม่เกิน 21 แต้ม แต่ดีลเลอร์ได้ไพ่เกิน 21 แต้ม ผู้เล่นจะชนะ
หากผลรวมแต้มสุดท้ายของผู้เล่นมากกว่าแต้มของดีลเลอร์และไม่เกิน 21 แต้ม ผู้เล่นจะชนะ
หากดีลเลอร์และผู้เล่นได้ไพ่แบล็คแจ็คหรือไพ่ใดๆ ที่มีแต้มเท่ากัน จะเสมอ
กฎการเล่นแบล็คแจ็คมีมากว่าร้อยกฎ ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามที่คาสิโนแต่ละแห่งกำหนดไว้ แต่แบล็คแจ็คก็ถือเป็นเกมที่ให้ผู้เล่นได้เปรียบดีลเลอร์มาตั้งแต่ปี 1960
จุดประสงค์ของเกมแบล็คแจ็ค
เป้าหมายหลักของเกมแบล็คแจ็คคือการเอาชนะดีลเลอร์ให้ได้ ซึ่งที่ผ่านมายังมีหลายคนที่เข้าใจผิดเกี่ยวกับจุดประสงค์ของเกมแบล็คแจ็ค ง่ายๆ ที่ควรจำให้ขึ้นใจคือผู้เล่นต้องเอาชนะดีลเลอร์ให้ได้แค่นั้น
กรณีผู้เล่นเอาชนะดีลเลอร์ในเกมแบล็คแจ็ค
- ผู้เล่นได้ไพ่ที่มีแต้มสูงกว่าไพ่ของดีลเลอร์
- ดีลเลอร์ได้ไพ่ที่มีแต้มรวมเกิน 21
- ผู้เล่นได้ไพ่ที่มีแต้มรวมเท่ากับ 21 จากไพ่สองใบแรก แต่ดีลเลอร์ไม่ได้
กรณีผู้เล่นแพ้ดีลเลอร์ในเกมแบล็คแจ็ค
- ผู้เล่นได้ไพ่ที่มีแต้มรวมเกิน 21
- ดีลเลอร์ได้ไพ่ที่มีแต้มรวมสูงกว่าไพ่ของผู้เล่นหลังจากสิ้นสุดเกมในแต่ละรอบ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราการจ่ายเงินรางวัลและแนวโน้มการออกไพ่แบล็คแจ็ค, คลิกที่นี่
กลยุทธ์แบล็คแจ็คที่แนะนำ
กลยุทธ์การชนะในแบล็คแจ็คนั้น ผู้เล่นต้องเล่นด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุด และกลยุทธ์ดังกล่าวผู้เล่นจะต้องวิเคราะห์ตลอดว่าไพ่ของดีลเลอร์คืออะไร เมื่อไพ่ของดีลเลอร์เป็นไพ่สวย เช่น ไพ่ 7, 8, 9, 10 หรือ A ผู้เล่นควรจั่วจนกว่าจะได้แต้มรวม 17 หรือมากกว่านั้น เมื่อไพ่ของดีลเลอร์ไม่ค่อยสวย เช่น 4, 5 หรือ 6 ผู้เล่นควรหยุดจั่วทันทีที่ได้แต้มรวมเท่ากับ 12 หรือสูงกว่า กลยุทธ์นี้คือการไม่จั่วไพ่หากรู้ว่ามีโอกาสเสียเงินเดิมพัน หากได้ไพ่ไม่ดีแนะนำปล่อยให้เจ้ามือจั่วและให้แต้มเกิน 21 เมื่อไพ่ของดีลเลอร์เป็น 2 หรือ 3 ผู้เล่นควรหยุดเล่นที่แต้มรวม 13 หรือสูงกว่านั้น
หากมีไพ่ Soft Hand อยู่ในมือ แนะนำให้ผู้เล่นจั่วไปเรื่อยๆ จนกว่าจะได้แต้มรวมอย่างน้อย 18 ซึ่งจะหมายถึงไพ่ A และ 6 (แต้มกลายเป็น 7 หรือ 17) ดังนั้นผู้เล่นอาจจะหยุดไว้ที่แต้ม 17 หรือ จั่วต่อก็ได้
ในส่วนของการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่านั้น ผู้เล่นควรทำเมื่อได้แต้มรวมเท่ากับ 11 หรือหากแต้มรวมเท่ากับ 10 ผู้เล่นควรเพิ่มเงินเดิมพันยกเว้นดีลเลอร์ได้ไพ่ที่มีแต้มเท่ากับ 10 หรือ A หรือหากแต้มรวมเท่ากับ 9 ผู้เล่นควรเพิ่มเงินเดิมพันเฉพาะตอนที่ไพ่ของดีลเลอร์มีแต้มอยู่ระหว่าง 2-6
สำหรับการแยกไพ่ หรือ Split นั้น ผู้เล่นควรแยกเฉพาะเมื่อได้ไพ่คู่ A-A หรือ 8-8 แต่ห้ามแยกไพ่ที่มีแต้มเท่ากับ 10 และไม่ควรแยกไพ่คู่ 5-5 เพราะมีผลรวมเท่ากับ 10 เพราะสามารถนำไปใช้ในการเพิ่มเงินเดิมพันเป็นสองเท่าได้อย่างดี นอกจากนี้ ไพ่คู่ 4 ก็ไม่ควรแยกเช่นกัน เนื่องจากผลรวม 8 เป็นแต้มที่ผู้เล่นควรจั่วไพ่มากกว่า โดยทั่วไปแล้ว ไพ่คู่ 2-2, 3-3 หรือ 7-7 ก็สามารถแยกได้เว้นแต่ดีลเลอร์จะมีไพ่ 8, 9, ไพ่ที่มีแต้ม 10 หรือไพ่ A และสุดท้าย ไม่ควรแบ่งไพ่คู่ 6-6 เว้นแต่ไพ่ของดีลเลอร์ไม่สวย ซึ่งก็คือแต้ม 2-6
กฎสำคัญ 10 ข้อที่ต้องปฏิบัติตามเมื่อเล่นแบล็คแจ็คออนไลน์
- เป้าหมายของผู้เล่นคือการได้ 21 แต้ม หรือแต้มที่สูงกว่าเจ้ามือ
- หากแต้มเกิน 21 (Bust) ผู้เล่นจะแพ้เลยทันที
- หากแต้มของผู้เล่นเสมอกับดีลเลอร์ (Push) ผู้เล่นจะได้รับเงินเดิมพันคืน
- เจ้ามือจะแจกไพ่ให้ผู้เล่นสองใบและไพ่จะหงายขึ้น
- ไพ่ของเจ้ามือใบหนึ่งจะหงายขึ้นและอีกใบหนึ่งจะคว่ำลง
- A มีค่าเท่ากับ 1 หรือ 11 ขึ้นอยู่กับว่าอยู่กับไพ่ใบไหนที่ได้ประโยชน์มากที่สุด
- 10, J, Q, K มีแต้มเท่ากับ 10
- ไพ่ 2-9 มีแต้มตามตัวเลขที่แสดงบนหน้าไพ่
- ผู้เล่นสามารถแยกการเดิมพันเป็นสองขาได้
- ดีลเลอร์จะต้องได้แต้มอย่างน้อย 17 หากแต้มไม่ถึง 17 แต้มดีลเลอร์จะต้องจั่วไพ่อีกใบ
สมัครสมาชิกเล่นแบล็คแจ็ค
หากผู้เล่นต้องการเล่นเกมแบล็คแจ็ค สามารถลงทะเบียนสมัครสมาชิกกับ คาสิโนมือโปร 168 ด้วยขั้นตอนง่ายๆ เพียงไม่กี่ขั้นตอน และเริ่มสนุกไปกับเกมแบล็คแจ็คและเกมโต๊ะออนไลน์ของเราได้เลย
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสมัครเป็นสมาชิกหรือวิธีการฝาก-ถอน สามารถศึกษาจากวิดีโอและคำแนะนำได้เลย
โปรโมชั่น 168 คาสิโนออนไลน์เว็บตรง
Copyright 2023 © CSPROMOD บาคาร่าออนไลน์ คาสิโนอันดับหนึ่งของไทย / Privacy Policy / Security / Site Map / Contact
